• หน้าแรก
  • อุปมาแก่นไม้กับแก่นธรรม
  • พระพุทธรูปยุคต่างๆ
  • เสียงธรรมคีตะ
  • สมุดเยี่ยม
  • ติดต่อเรา
ทำบุญตักบาตร รักษาศีล ฟังเทศน์ฟังธรรม ทุกวัน
วันมาฆบูชา
           มาฆบูชา แปลว่า การบูชาในวันเพ็ญเดือน  ๓ เป็นวันที่มีความสำคัญวันหนึ่ง  ของพระพุทธศาสนา
ในท่ามกลางสงฆ์  ณ เวฬุวันมหาวิหารโดยพระพุทธเจ้าทรงปรารภเหตุสำคัญ๔ประการที่รู้จักกันโดย
ทั่วไปว่า จาตุรงคสันนิบาต ซึ่งแปลว่า การประชุมที่พร้อมด้วยองค์ ๔ คือ
           ๑. วันนั้นเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓
           ๒. วันนั้นพระอรหันตขีณาสพ จำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย
           ๓. พระอรหันตขีณาสพที่มาประชุมกันนั้น   ล้วนเป็นผู้หมดกิเลสบรรลุอภิญญา ๖ แล้วทั้งสิ้น
           ๔. พระอรหันตขีณาสพทั้งหมดนั้น เป็นเอหิภิกขุ คือเป็นผู้ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง
          พระพุทธองค์ทรงปรารภเหตุนี้  จึงได้วางหลักการที่สำคัญของพระพุทธศาสนาไว้ โดยได้ตรัสเป็น
คำประพันธ์ไว้ ๓ คาถากึ่งดังนี้การไม่ทำความชั่วทั้งปวง  การบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อมการทำจิตของตนให้ผ่องใสนี้เป็น
คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย  ความอดทน  คือความอดกลั้นเป็นตบะอย่างยิ่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวว่า
นิพพานเป็นบรมธรรม ผู้ทำร้ายคนอื่นไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิตผู้เบียดเบียนคนอื่นไม่ชื่อว่าเป็นสมณะ การไม่กล่าวร้าย
การไม่ทำความสำรวมในพระปาฏิโมกข์ความเป็นรู้จักประ มาณในอาหาร ที่นั่งนอนอันสงัดความเพียรในอธิจิตนี้
เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
           คำสอนเหล่านี้ถือเป็นหลักการที่สำคัญของพระพุทธศาสนาแต่เรามักจะจำได้เฉพาะคาถาแรกเท่านั้นว่าไม่
ทำชั่วทำแต่ความดีและทำจิตใจให้บริสุทธิ์และในวันเพ็ญเดือน ๓ นี้ อีก  ๔๔ ปีต่อมาถือว่ามีเหตุการณ์ที่สำคัญเกิดขึ้น
อีกแต่ไม่ค่อยถูกกล่าวถึงก็คือ การปลงพระชนมายุสังขารของพระพุทธเจ้าโดยพรรษาสุดท้ายขณะที่พระองค์ประทับ
อยู่ ณ ปาวาลเจดียใกล้เมืองเวสาลี พระองค์ได้แสดงนิมิตโอภาสแก่พระอานนท์ว่า  ผู้ใดเจริญอิทธิบาทธรรม  ๔  ประการดีแล้วถ้าปรารถนาก็มีอายุยืนอยู่ได้ถึงกัปหรือเกินกัป แต่พระอานนท์นึกไม่ถึงจึงไม่ได้กราบทูลอาราธนาให้
พระพุทธเจ้าอยู่ต่อ เมื่อพระอานนท์ออกไปจากที่เฝ้ามารจึงเข้ามาให้พระองค์ปรินิพพานพระองค์จึงรับคำอาราธนา
โดยกำหนดปรินิพพานอีก ๓ เดือนข้างหน้าคือวันวิสาขะ
          ดังนั้นวันที่ทรงตัดสินใจปรินิพพานจึงตรงกับวันเพ็ญเดือน  ๓ การบูชาในวันมาฆบูชาเป็นประเพณีที่เพิ่ง
เริ่มทำกันในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโดย ในสมัยนั้นได้มีการบำเพ็ญพระราชกุศลคือเวลา     เช้าพระสงฆ์๓๐รูปฉันในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามเวลาค่ำทรงจุดธูปเทียนพระสงฆ์ทำวัตรสวดมนต์สวด
คาถาโอวาทปาฏิโมกข์ ๑ กัณฑ์แต่สมัยต่อๆ  มา
พระเจ้าแผ่นดินทรงติดภารกิจราชการ ณหัวเมืองต่าง ๆ ก็จะทรงบำเพ็ญพิธีมาฆบูชาที่เมืองนั้น ๆปัจจุบัน ราชการ
ได้ให้ความสำคัญต่อวันมาฆบูชาโดยกำหนดเป็นวันหยุดราชการเช่นเดียวกับวันวิสาขบูชา